ชื่อสมุนไพร : ราชพฤกษ์
ชื่อเรียกอื่นๆ : กุเพยะ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), ปูโย, ปีอยู, เปอโซ, แมะหล่าอยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ลักเกลือ, ลักเคย (กะเหรี่ยง), ชัยพฤกษ์ (ภาคกลาง) และ ลมแล้ง (ภาคเหนือ)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Lonicera japonica Thunb.
ชื่อสามัญ : Golden Shower, Indian Laburnum, Pudding-pine Tree และ Purging Cassia
วงศ์ : LEGUMINOSAE
ราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ที่คนไทยทั่วไปรู้จักกันอย่างแพร่หลาย ในนามของ “ต้นคูน” สามารถพบเห็นได้ทั่วไปของทุกภาคในประเทศ นิยมปลูกไว้เป็นต้นไม้ประดับตามสถานที่ต่างๆ เช่น สถานที่ราชการ บริเวณริมถนนข้างทาง และสถานที่อื่นๆ ตามประกาศของกรมป่าไม้จัดเป็นต้นไม้ประจำชาติไทย และยังมีความเกี่ยวข้องกับประเพณีชาวไทยมาอย่างช้านาน เพราะเป็นไม้มงคลนามและใช้ในการประอบพิธีสำคัญๆ ต่างๆ หลายพิธีเช่น พิธีลงเสาหลักเมือง ทำคฑาจอมพล ใช้ทำยอดธงชัยเฉลิมพล เป็นต้น โดยสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย เช่น การใช้เป็นยาสมุนไพร หรือนำมาใช้ทำเป็นสาบ้านเสาเรือนได้ ทั้งยังเป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ได้ทั้งกับเด็ก สตรี รวมไปถึงผู้สูงอายุ โดยไม่มีอันตรายใดๆ นอกจากนี้เนื้อของฝักแก่สามารถนำมาใช้แทนกากน้ำตาลในการทำเป็นหัวเชื้อจุลินทรีย์และจุลินทรีย์ขยายได้
ลักษณะสมุนไพร :
ราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ขนาดกลาง มีลำต้นสีน้ำตาลแกมเทาเกลี้ยง มักขึ้นทั่วไปตามป่าผลัดใบ ลักษณะของใบออกเป็นช่อ ใบสีเขียวเป็นมัน ช่อหนึ่งยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร และมีใบย่อยเป็นไข่หรือรูปป้อมๆ ประมาณ 3-6 คู่ ใบย่อยมีความกว้างประมาณ 5-7 เซนติเมตร และยาวประมาณ 9-15 เซนติเมตร โคนใบมนและสอบไปทางปลายใบ เนื้อใบบางเกลี้ยง มีเส้นแขนงใบถี่ และโค้งไปตามรูปใบ ออกดอกเป็นช่อ ยาวประมาณ 20-45 เซนติเมตร มีกลีบรองดอกรูปขอบขนานมีความยาวประมาณ 1 เซนติเมตร กลีบมี 5 กลีบ หลุดร่วงได้ง่าย และกลีบดอกยาวกว่ากลีบรองดอกประมาณ 2-3 เท่า และมีกลีบรูปไข่จำนวน 5 กลีบ บริเวณพื้นกลีบจะเห็นเส้นกลีบชัดเจน ที่ดอกมีเกสรตัวผู้ ขนาดแตกต่างกันจำนวน 10 อัน มีก้านอับเรณูโค้งงอขึ้น ดอกมักจะบานในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม แต่ก็มีบางกรณีที่ออกดอกนอกฤดูเหมือนกัน เช่น ในช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม ผลมีลักษะเป็นฝักรูปทรงกระบอกเกลี้ยงๆ ฝักยาวประมาณ 20-60 เซนติเมตร และวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ราว 2-2.5 เซนติเมตร ฝักอ่อนจะมีสีเขียว ส่วนฝักแก่จัดจะมีสีดำ ในฝักจะมีผนังเยื่อบางๆ กันอยู่เป็นช่องๆ ตามขวางของฝัก และในช่องจะมีเมล็ดสีน้ำตาลแบนๆ อยู่ มีขนาดประมาณ 0.8-0.9 เซนติเมตร
ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์ : ใบ, ดอก, เปลือก, แก่น, ราก, ฝักแก่, เปลือก, กระพี้ และ เมล็ด
สรรพคุณทางยา :
- ใบ ขับพยาธิ
- ดอก แก้บาดแผลเรื้อรัง
- เปลือก บำรุงโลหิต
- กระพี้ แก้โรครำมะนาด
- แก่น ขับไส้เดือนในท้อง
- ราก แก้ไข้ แก้โรคคุดทะราด
- เมล็ด รักษาโรคบิด
- ฝักแก่ ยาระบายถ่ายสะดวกไม่มวนไม่ไซ้ท้อง
วิธีการใช้ :
- ขับพยาธิ นำใบมาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน
- แก้บาดแผลเรื้อรัง นำดอกมาตำแล้วพอกบริเวณแผล
- บำรุงโลหิต นำเปลือกแห้งมาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน
- แก้โรครำมะนาด นำกระพี้แห้งมาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน
- ขับไส้เดือนในท้อง นำแก่นแห้งมาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน
- แก้ไข้ แก้โรคคุดทะราด นำรากมาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน
- รักษาโรคบิด นำเมล็ดมาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน
- ยาระบายถ่ายสะดวกไม่มวนไม่ไซ้ท้อง นำฝักแก่มาต้มกับน้ำ ดื่มรับประทาน
ถิ่นกำเนิด :
ราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียใต้ ตั้งแต่ทางตอนใต้ของปากีสถานไปจนถึงอินเดีย พม่า และประเทศศรีลังกา
.