ชื่อสมุนไพร : ข่า
ชื่อเรียกอื่นๆ : กฎุกกโรหินี (กลาง), ข่าหยวก (เหนือ), ข่าหลวง (ตะวันออกเฉียงเหนือ), สะเอเชย (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน) และ เสะเออเคย (กะเหรี่ยง)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Alpinia galanga (L.) Willd.
ชื่อสามัญ : Galangal
วงศ์ : ZINGIBERACEAE
ข่าเป็นพืชล้มลุกที่อยู่ในวงศ์เดียวกับขิง จัดเป็นเครื่องเทศที่คนไทยนิยมใช้กันมากเนื่องจากสามารถปลูกและเจริญเติบโตได้ง่าย ทนทานต่อสภาพดินฟ้าอากาศ มีอายุยืนยาว และสามารถขุดขึ้นมาใช้ประโยชน์ได้ตลอดทั้งปีข่ามีรสชาติเผ็ดร้อนและมีกลิ่นแรง จึงเป็นที่นิยมนำมาใช้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นใช้ดับกลิ่นคาวในเมนูอาหารประเภทต้มยำ ต้มข่า ต้มแซ่บ หรือโขลกทำเป็นเครื่องแกงอีกทั้งยังสามารถรับประทานเป็นผักแกล้มคู่กับน้ำพริก หรือใช้เป็นส่วนผสมที่อยู่ในเมนูข้าวยำของคนปักษ์ใต้เป็นต้น ในตำรายาสมุนไพรแพทย์แผนไทย ได้กล่าวถึงสรรพคุณของข่าที่มีคุณสมบัติเป็นยารักษาโรคต่างๆมากมาย ซึ่งสอดคล้องกับผลการศึกษาวิจัยทางฤทธิ์วิทยา ข่ามีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ ช่วยขับน้ำดี เร่งการบีบตัวของลำไส้เล็ก ขับลม นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ฆ่าแบคทีเรียในลำไส้ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการจุกเสียด เหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องมาจากข่ามีน้ำมันหอมระเหยซึ่งเป็นสารประกอบทางเคมี ประกอบไปด้วยสารเมททิล, ซินนาเมต และ ยูจีนอล ที่มีผลต่อการออกฤทธิ์ต่อระบบกล้ามเนื้อและข้อต่อ ระบบการหายใจ ระบบย่อยอาหาร และระบบผิวหนังในร่างกายมนุษย์
ลักษณะสมุนไพร :
ข่าเป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งที่มีลำต้นเป็นเหง้าอยู่ใต้ดิน เหง้ามีข้อหรือปล้องที่เห็นเด่นชัด ความสูงของลำต้นที่อยู่บนดินไม่สูงมาก สูงเพียง 2 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวแบบสลับ ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปหอกที่มีปลายเรียวแหลม รูปรี มีความกว้าง 5 – 11 ซม. และ ความยาว 20 – 40 ซม. ขอบใบเรียบ โคนใบแหลมคล้ายสามเหลี่ยม ก้านใบมีขนเล็กน้อย กาบใบแผ่ออกหุ้มลำต้นไว้ ดอกมีขนาดเล็ก เป็นช่อออกที่บริเวณปลายยอด ก้านช่อมีผิวเกลี้ยง ไม่มีขน ความยาว 10 – 30 ซม. ใบประดับเป็นรูปไข่ กลีบเลี้ยงมีสีขาวอมเขียวและมีขน โคนกลีบเลี้ยงเชื่อมติดกัน โคนของกลีบดอกเชื่อมติดกัน ปลายแยกออกเป็น 3 กลีบ ได้แก่ กลีบบน 1 กลีบ และ กลีบล่าง 2 กลีบ บริเวณโคนกลีบดอกนั้นมีผลสีแดงอมส้ม ขนาดใหญ่ ประมาณ 1 ซม. เป็นรูปทรงกลมหรือรี เมื่อแก่จัดผลจะกลายเป็นสีดำ ภายในผลมีเมล็ดเพียง 2-3 เมล็ด
ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์ : เหง้าแก่, ราก, ใบ, ดอก, หน่อ และ ผล
สรรพคุณทางยา :
- เหง้าแก่ แก้ปวดท้องจุกเสียดแน่น ขับลม แก้กลากเกลื้อน แก้พิษ แก้บวม แก้ตกเลือด แก้บิด แก้สันนิบาตหน้าเพลิง ขับน้ำคาวปลา
- ราก แก้เหน็บชา แก้เสมหะ แก้โลหิต ขับเลือดลม ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี
- ใบ ฆ่าพยาธิ แก้ปวดเมื่อยตามข้อ
- ดอก แก้ท้องเสีย แก้กลากเกลื้อน ขับลม
- หน่อ แก้ลมแน่นหน้าอก บำรุงไฟธาตุ
- ผล ช่วยย่อยอาหาร แก้คลื่นไส้อาเจียน แก้ปวดท้อง แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้บิด
วิธีการใช้ :
- ลดอาการฟกบวม ใช้เหง้าข่า ใส่ในลูกประคบแล้วนำมานวด
- ช่วยขับเลือด ขับรก ขับน้ำคาวปลา เอาเหง้าข่ามาตำกับมะขามเปียกและใส่เกลือให้สตรีรับประทานหลังคลอด
- แก้ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ตามข้อ แก้ตะคริว นำต้นแก่มาตำผสมน้ำมันมะพร้าว แล้วทาตามกล้ามเนื้อ ตามข้อ
- รักษากลากเกลื้อน โรคผิวหนัง รักษาลมพิษ ใช้เหง้าข่าแก่ เท่าหัวแม่มือ ประมาณ 1 แง่ง ตำให้ละเอียดผสมเหล้าโรง ทาที่เป็นหลายๆ ครั้งจนกว่าจะหาย
- แก้ปวดเมื่อยตามข้อ นำใบข่ามาต้มกับน้ำ จากนั้นนำมาอาบหรือแช่ก็ได้
- ขับลมแก้ท้องเสีย นำดอกข่ามารับประทานเป็นผักแกล้ม
ถิ่นกำเนิด :
ข่าเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
.