บทความสมุนไพรสมุนไพรสำหรับใช้ดอกปรุงยาสมุนไพรสำหรับใช้ผลปรุงยาสมุนไพรสำหรับใช้รากปรุงยาสมุนไพรสำหรับใช้ลำต้นปรุงยาสมุนไพรสำหรับใช้เมล็ดปรุงยาสมุนไพรสำหรับใช้ใบปรุงยาสมุนไพรแนะนำ

มะขาม


1



ชื่อสมุนไพร : มะขาม
ชื่อเรียกอื่นๆ : ขาม,ตะลูบ, ม่องโคล้ง, อำเปียล, หมากแกง และส่ามอเกล
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tamarindusindica  L.
ชื่อสามัญ : Tamarind, Indian date
วงศ์ : Leguminosae–Caesalpinioideae

4
มะขาม ถือเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่นิยมปลูกเนื่องจากให้ผลที่รับประทานได้ อร่อย มีคุณค่าทางสารอาหาร และเต็มไปด้วยสรรพคุณในการรักษาโรค ไม่ว่าจะเป็นในด้านของการเป็นยาระบาย แก้ไอ ขับเสมหะ มะขามจัดเป็นพืชวงศ์ถั่วเช่นเดียวกับผักกะเฉด มันแกว มะขาม ถั่วเหลือง ถั่วพูและถั่วอื่นๆ มะขามในประเทศไทยแบ่งได้ 2 ชนิดคือมะขามเปรี้ยวและมะขามหวาน ซึ่งก็สามารถแบ่งแยกได้อีกหลายพันธุ์ เช่น พันธุ์น้ำผึ้ง อินทผลัม หมื่นจง สีทอง เป็นต้น

2-1

ลักษณะสมุนไพร :
มะขาม เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ สูงประมาณ 60 ฟุต ลำต้นแข็งแรง แตกกิ่งก้านสาขาตรงส่วนยอดของต้นเปลือกลำต้นมีสีน้ำตาลอ่อนมีผิวขรุขระ เป็นร่องเล็กๆ ใบมะขามเป็นใบประกอบแบบขนนก มีสีเขียวแก่ ใบออกเป็นคู่ แยกออกจากก้าน 2 ข้าง แต่ละก้านมีใบอยู่ประมาณ 10-18 คู่ ลักษณะใบย่อยเป็นรูปขอบขนานปลายและโคนใบโค้งมน ขนาดกว้าง 2–5 มม. ยาว 1–2 ซม.ช่อดอกออกบริเวณซอกใบหรือปลายกิ่ง ดอกย่อยมีขนาดเล็ก กลีบดอกสีเหลืองและมีจุดประสีแดงอยู่กลางดอกและมีกลิ่นหอม เมื่อดอกร่วงแล้วจะติดผลผลมีลักษณะเป็นฝักคล้ายทรงกระบอกยาวประมาณ3-20 ซม. ฝักอ่อนมีเปลือกสีเขียวอมเทา เมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเปลือกของฝักจะแข็งขึ้นและกรอบหักง่าย เนื้อมะขามมีรสเปรี้ยว และหวานเป็นผลไม้ที่คนส่วนใหญ่ชอบรับประทานเจริญเติบโตได้ดีในที่ที่แสงแดดส่องถึง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด หรือการตอนกิ่ง

2

ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์ : ใบสด, ดอกสด, เนื้อหุ้มเมล็ด, ฝักดิบ, เนื้อในฝักแก่, เปลือกต้น, แก่น, ราก และเปลือกเมล็ด

3
สรรพคุณทางยา :

  1. ใบสด มีรสเปรี้ยวฝาดสามารถใช้เป็นยาระบาย ขับลมแก้โรคบิด แก้ไอ รักษาหวัด ขับเสมหะ หรือใช้เป็นยาภายนอกเพื่อหยอดตารักษาอาการเยื่อตาอักเสบหรือแก้อาการตามัว ได้
  2. ดอกสด มีสรรพคุณในการลดความดันสำหรับผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง
  3. เนื้อหุ้มเมล็ด ใช้เป็นยาระบายหรือยาถ่าย เพื่อช่วยแก้อาการท้องผูกอีกทั้งยังมีสรรพคุณขับเสมหะ แก้ไอหรือดับกระหายได้
  4. ฝักดิบ นิยมใช้ฟอกเลือด และใช้เป็นยาระบายเพื่อลดความอ้วน อีกทั้งยังสามารถช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายได้
  5. เนื้อในฝักแก่ของมะขามเปียก ช่วยแก้อาการไอและขับเสมหะ
  6. เมล็ดในสีขาว เป็นยาถ่ายพยาธิชั้นดี ทั้งพยาธิไส้เดือนและ พยาธิเส้นด้าย
  7. เปลือกต้น เหมาะสำหรับลดไข้ แก้ตัวร้อน
  8. แก่นช่วยขับโลหิตและเสมหะ อีกทั้งช่วยให้มดลูกเข้าอู่
  9. ราก ช่วยแก้อาการท้องร่วง รักษาโรคเริม และโรคงูสวัดได้
  10. เปลือกเมล็ด ช่วยสมานแผลที่ปาก คอ ลิ้นและตามร่างกาย หรือใช้เพื่อรักษาแผลสด แผลไฟลวก หรือแผลจากโรคเบาหวาน

5

วิธีการใช้ :

  1.  ยาถ่ายพยาธิ ให้กะเทาะเปลือกเมล็ดคั่วออก แล้วเอาเนื้อในเมล็ดมาแช่น้ำเกลือจนเนื้อนุ่ม รับประทานครั้งละ 20-30 เมล็ด
  2. ยาระบายและยาถ่าย ให้แกะเนื้อที่หุ้มเมล็ดมะขามเปียกประมาณ15-30 กรัมรับประทานจิ้มเกลือและดื่มน้ำตามมากๆ สามารถช่วยระบายได้ หรือหากต้องการฉีดสวนแก้ท้องผูกให้เอามะขามเปียกมาละลายน้ำอุ่นที่ใส่เกลือเล็กน้อย
  3. แก้ท้องร่วง นำเมล็ดมะขามมาคั่วจนเกรียม แล้วกะเทาะเปลือกรับประทาน หรือนำเปลือกสดหรือแห้ง ประมาณ 15-30 กรัม ต้มน้ำหรือน้ำปูนใส เพื่อดื่มรับประทาน
  4. รักษาแผล นำเมล็ดมากะเทาะเปลือกต้มให้เดือดแล้วนำมาพอกที่แผล
  5. แก้ไอและขับเสมหะ นำเนื้อในฝักแก่หรือมะขามเปียก รับประทานจิ้มเกลือ
  6. ลดความดันโลหิต นำดอกสดมาปรุงอาหาร เช่น แกงส้มหรือต้มกับปลาสลิดเพื่อรับประทาน

6

ถิ่นกำเนิดของมะขาม :
ต้นมะขามมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกาแถบประเทศซูดาน หลังจากนั้นได้มีการนำเข้ามาในทวีปเอเชียในแถบประเทศเขตร้อน และประเทศแถบละตินอเมริกา ในปัจจุบันนิยมปลูกมากในประเทศเม็กซิโก

7

8

 





.