ทานตะวัน
ชื่อสมุนไพร : ทานตะวัน
ชื่อเรียกอื่นๆ : บัวตอง (ภาคเหนือ), ชอนตะวัน (ภาคกลาง), บัวทอง (ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ), ทานตะวัน (ภาคกลาง), ทานหวัน (ภาคใต้), เซี่ยงยื่อขุย, เซี่ยงยื้อขุย (จีนกลาง) และ เหี่ยงหยิกขุ้ย (จีนแต้จิ๋ว)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Helianthus annuus L.
ชื่อสามัญ : Sunflower, Sunchoke
วงศ์ : ASTERACEAE (COMPOSITAE)
ทานตะวันเป็นต้นไม้ที่หันหน้าเข้าหาแสงอาทิตย์เสมอ ดอกทานตะวันถือเป็นดอกไม้ที่มีเอกลักษณ์ โดดเด่นสะดุดตา ทานตะวันเป็นไม้ที่ปลูกง่ายและโตเร็ว จัดเป็นพืชในวงศ์เดียวกับดอกคำฝอย ดาวเรือง ดาวกระจาย และบานชื่น ทานตะวันถือเป็นพืชที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคได้หลากหลายชนิด อีกทั้งยังเป็นพืชให้น้ำมันชนิดเดียวที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ ในอดีตชาวอินเดียนแดงนิยมรับประทานเมล็ดทานตะวันและใช้น้ำมันเมล็ดทานตะวันมานานแล้ว แต่ในปัจจุบันหลายประเทศหันมาปลูกทานตะวันกันมากขึ้น ซึ่งการปลูกมีจุดประสงค์เพื่อความสวยงามและการใช้ประโยชน์จากพืชชนิดนี้
ลักษณะสมุนไพร :
ทานตะวันมีลำต้นตรง มีขนอ่อนปกคลุมอยู่ทั่ว สูงประมาณ 3-4 ฟุต ลำต้นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-10 เซนติเมตร ลำต้นส่วนใหญ่จะไม่แตกกิ่งก้านสาขา มีเฉพาะบางพันธุ์ที่อาจแตกกิ่งบ้าง ใบเป็นใบเดี่ยว มีลักษณะกลมรี เรียวยาว ปลายใบแหลม ขนาดกว้างประมาณ 4-8 นิ้ว ยาว 1 ฟุต ขอบใบหยักคล้ายฟันเลื่อย ใบออกสลับกันแบบตรงข้ามเวียนรอบลำต้น ดอกทานตะวันมีขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนฐานรองดอก ดอกบานที่โตเต็มที่มีขนาดประมาณ 5-10 นิ้ว ดอกมีสีเหลืองสด ตรงกลางดอกมีเกสรเป็นวงขนาดใหญ่ กลีบดอกบานแผ่เป็นวงกลม มีก้านช่อดอกทำหน้าที่ยึดช่อดอกติดกับลำต้น ผลทานตะวันหรือเมล็ดทานตะวันมีจำนวนมากอยู่ตรงฐานดอก ลักษณะผลเป็นรูปรีและแบนนูน ด้านหนึ่งมนอีกด้านหนึ่งแหลม ขนาดประมาณ 6-17 มิลลิเมตร เปลือกหุ้มแข็ง มีสีเทาเข้มหรือสีดำ ภายในผลมีเมล็ดสีเหลืองอ่อน 1 เมล็ด ลักษณะรียาว
ทานตะวันเป็นไม้กลางแจ้ง เจริญเติบโตได้ดีในที่ที่มีแสงแดดจัด ดินแบบดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี
ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์ : แกนลำต้น, ดอก, ใบ, ฐานรองดอก, เมล็ด, เปลือกเมล็ด และ ราก
สรรพคุณทางยา :
- แกนลำต้น ช่วยขับปัสสาวะ แก้อาการปัสสาวะเป็นเลือดหรือปัสสาวะขุ่นขาว แก้นิ่วในทางเดินปัสสาวะและในไต
- ดอก ช่วยขับลมและแก้วิงเวียน
- ใบ แก้หลอดลมอักเสบ ใช้เป็นยาต้านโรคมาลาเรียและช่วยเสริมฤทธิ์ยาควินิน
- ฐานรองดอก แก้อาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืดตาลาย แก้ปวด แก้โรคกระเพาะ และรักษาฝีบวม
- เมล็ด แก้โรคบิด ขับหนองใน รักษาฝีฝักบัว ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ และแก้ไข้หวัด
- เปลือกเมล็ด แก้อาการหูอื้อ
- ราก แก้อาการแน่นหน้าอก บรรเทาอาการฟกช้ำ เป็นยาระบายและช่วยขับปัสสาวะ
***ทานตะวันแม้จะมีประโยชน์รอบด้าน แต่มีข้อแม้คือห้ามใช้ในหญิงมีครรภ์***
วิธีการใช้ :
- แก้อาการวิงเวียน ใช้ฐานรองดอกแห้ง 25- 30 กรัม ตุ๋นกับไข่ 1 ฟอง รับประทานหลังอาหารวันละ 2 ครั้ง
- แก้อาการปัสสาวะขุ่นขาวและขับปัสสาวะ ใช้แกนกลางลำต้นและรากต้นจุ้ยขึ้งฉ่ายมาต้ม แล้วคั้นเอาน้ำผสมรับประทานกับน้ำผึ้ง
- แก้อาการปวดท้อง ใช้ฐานรองดอก 30- 60 กรัม ผสมกับกระเพาะหมู 1 อัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายแดง ประมาณ 30 กรัม ต้มให้สุก กรองเอาน้ำมารับประทาน
- แก้อาการมูกโลหิต ต้มเมล็ดทานตะวัน 30 กรัม นาน 60 นาที เติมน้ำตาลเล็กน้อย ดื่มรับประทาน
- ลดความดันโลหิต ใช้ใบสด 60 กรัม หรือใบแห้ง 30 กรัม ผสมกับโถวงู่ฉิกสด 60 กรัม ต้มเอาน้ำรับประทาน
- แก้โรคไอกรน ตำแกนกลางลำต้นให้ละเอียด ผสมกับน้ำตาลทรายขาว ชงด้วยน้ำร้อนดื่มรับประทาน
- แก้อาการไอ คั่วเมล็ดให้เหลือง ชงน้ำดื่มรับประทาน
- ขับพยาธิไส้เดือน ต้มรากสดประมาณ 30 กรัม ผสมน้ำตาลทรายแดงเล็กน้อย ดื่มน้ำรับประทาน
- ห้ามเลือด ตำแกนกลางลำต้นให้ละเอียด นำมาพอกบริเวณแผล
ถิ่นกำเนิด :
ต้นทานตะวันมีถิ่นกำเนิดในแถบอเมริกาตะวันตก
.